กิจกรรม

ณ ศูนย์ไตรสิกขา

กิจกรรมที่ศูนย์ไตรสิกขาฟลอริดา:

ไตรสิกขาฟลอริดามีกิจกรรมตลอดปี รวมทั้งการร่วมปฏิบัติธรรมทุกวันอาทิตย์ ยกเว้นในช่วงที่มีคอรสเนกขัมมะ โดยไม่มีคำใช้จ่ายแต่อย่างไร หากท่านใดสนใจทราบตารางเวลาของกิจกรรมที่ศูนย์ไตรสิกขาฟลอริดา กรุณาติดตามได้ที่หน้าปฏิทินกิจกรรมของศูนย์ไตรสิกขาฟลอริดา

ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida6 hours ago
คอลัมน์ "ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์"
For English- please log on : http://www.dhamma.com/en/

"...กายนี้คือตัวทุกข์ ใจนี้คือตัวทุกข์ พอรู้อย่างนี้แล้ว ตัวสมุทัย คือตัวความอยากก็จะไม่มีอีก เพราะความอยากมากมาย รวมย่อลงมาก็คือ อยากให้กายให้ใจเป็นสุข อยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ ไป ดูหนังก็อยากจะให้จิตใจมีความสุขใช่มั้ย ไปกินของอร่อยก็หวังว่า จะมีความสุข หนาวมากก็ไปหาเสื้อผ้ามาใส่ หวังว่าร่างกายจะเป็นสุข ถ้าร่างกายสบายดีแล้วก็เริ่มคิดใส่เสื้อผ้าแพงๆ เพื่อให้จิตใจมีความสุข มันมุ่งอยู่ตรงนี้ทั้งหมดเลย ไม่ว่าเราจะดิ้นรน มีความอยาก อะไรมากมายแค่ไหน ย่อลงมาก็คือ อยากให้กายให้ใจเป็นสุข อยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ มีอยู่เท่านี้แหละ เมื่อมันเห็นความจริงว่า กายกับใจคือตัวทุกข์แล้ว ความอยากจะไม่เกิดอีก รู้ทุกข์เมื่อไหร่ ก็ละสมุทัยเมื่อนั้น เราไม่มีหน้าที่ไปละตัณหานะ เรามีหน้าที่รู้ทุกข์ไป คอยรู้ทุกข์ไปเรื่อย แล้วตัณหามันถูกละเองด้วยปัญญา มีปัญญารู้ความจริงของรูปนามกายใจ รู้ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ ธาตุ ๑๘ สิ่งที่ประกอบขึ้นมาเป็นกายเป็นใจ แยกออกไปเป็นขันธ์ ๕ ก็ได้ แยกออกเป็นอายตนะ ๖ ก็ได้ แยก ออกเป็นธาตุ ๑๘ ก็ได้ คือกายกับใจ ย่อลงมาก็คือรูปกับนาม

"...ถ้าเห็นความจริงแล้วว่ารูปนามกายใจนี้คือตัวทุกข์ ถ้ารู้แจ้งอย่างนี้นะ ความอยากจะให้รูปนามเป็นสุขจะไม่มี เพราะมันเป็นตัวทุกข์ จะอยากให้มันสุขทำ ไม มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นความอยากที่ไร้เดียงสา ถ้ามันรู้จริงว่ารูปนามนี้เป็นทุกข์นะ ความอยากให้รูปนามไม่ทุกข์ก็จะไม่มี อยากจะให้เป็นสุขก็จะไม่มี อยากจะให้ไม่ทุกข์ก็จะไม่มี ฉะนั้นความอยากจะไม่เกิดอีกเมื่อปัญญามันแก่รอบ ได้สัมมาทิฏฐิเต็มที่ รู้ความจริงว่ารูปนามนี้คือตัวทุกข์ ถ้ารู้ได้อย่างนี้นะ รู้ทุกข์แจ่มแจ้งก็ละสมุทัย ละความอยาก ความอยากไม่เกิดอีก การละสมุทัย ละได้หลายแบบ ละด้วยการสนองความอยาก ก็ได้ อย่างเราอยากจะกินข้าว เราไปกินข้าวก็หายอยาก ละด้วยการสนองความอยากแล้วเดี๋ยวก็อยากใหม่ หรือละด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ละด้วยการบังคับกายบังคับใจก็ได้ อยากกินไม่กิน ฝืนมัน ทรมานมันก็ทำได้ ละด้วยสติก็ได้ มีความอยากเกิดขึ้น รู้ทัน มีความอยาก เกิดขึ้น รู้ทัน ความอยากมันจะดับโดยอัตโนมัติ แต่ก็ดับชั่วคราว เดี๋ยวก็อยากใหม่ ละด้วยสมาธิก็ได้ มันอยากจะจีบสาว นั่งสมาธิ จิตรวมไป ไม่เอาแล้วสาว ไม่เห็นจะดีตรงไหน อย่างนั้นก็ทำ ได้ แต่ละด้วยอะไรก็ไม่วิเศษเท่าละด้วยปัญญา ละด้วยปัญญา คือการเห็นความจริงของรูปนาม ว่ารูปนามนี้คือทุกข์ เห็นความจริงของรูปนามแล้ว มันจะไม่เกิดความอยากขึ้นอีก มันจะละครั้งเดียว เรียกว่าละทีเดียวจบเลย ไม่ต้องละแล้วละอีก ฉะนั้นจุดใหญ่คือการสร้างปัญญา พัฒนาตัวธรรมะแท้ๆ ตัวศาสนาพุทธแท้ๆ คือตัว สัมมาทิฏฐิ คือตัวปัญญา ให้เห็นความจริงของรูปนามกายใจ แล้ว ตัวสมุทัยคือตัวความอยากมันจะไม่มี เมื่อตัวความอยากไม่มี อะไร จะเกิดขึ้น เราจะแจ้งนิพพาน จะประจักษ์ในพระนิพพาน

นิพพานคืออะไร นิพพานคือสภาวะที่สิ้นตัณหา นิพพานมีสภาวะ มีลักษณะเฉพาะ คือมีความสงบ มีสันติ สันติเพราะปราศจากความเสียดแทง เพราะปราศจากความปรุงแต่ง ฉะนั้น ถ้าถามว่านิพพานมีลักษณะอย่างไร นิพพานมีสันติลักษณะ มีลักษณะสงบจากกิเลส สงบจากความปรุงแต่ง นิพพานเป็นบรมสุข นิพพานจริง ๆ แล้วเป็นสภาวะยังไง นิพพานคือสภาวะที่สิ้นตัณหา หรือคำว่า วิราคะ ไม่มีราคะ ไม่มีตัณหา นิพพานเป็นสภาวะที่ เรียกว่า วิสังขาร สิ้นความปรุงแต่ง เป็นอสังขตะ คือไม่ปรุงแต่ง ถ้าเราเข้าถึงสภาวะอันนี้ก็เป็นสภาวะที่เที่ยง คือสภาวะที่ เป็นสุข แต่ว่าไม่มีเจ้าของ ไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วไปจดลิขสิทธิ์ คนอื่นตรัสรู้ไม่ได้ นิพพานไม่มีเจ้าของ ถ้าเมื่อไหร่ใจของเรา รู้ความจริงของรูปนามว่าเป็นทุกข์ ก็ละสมุทัยเมื่อนั้น ละสมุทัย เมื่อไหร่ ก็จะเห็นพระนิพพานปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา จิตนั่นแหละ มันจะเข้าถึงพระนิพพาน เข้าถึงสันติสุข มีสันติด้วย มีความสุข อันมหาศาลด้วย ดังนั้นถ้ารู้ทุกข์แล้วก็เป็นอันละสมุทัย เมื่อละสมุทัยได้ก็เข้าไปประจักษ์นิโรธ ก็ไปเห็นนิโรธ ในขณะที่เห็นนิโรธ ในขณะที่เห็นนิพพานนั่นแหละ อริยมรรคเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการรู้ทุกข์ การละสมุทัย การแจ้งนิโรธ การเจริญ ของมรรค เกิดขึ้นในขณะจิตเดียว นี่เป็นศาสตร์ที่อัศจรรย์ไม่มีอะไร เหมือนเลย อัศจรรย์จริงๆ นะ แล้วไม่ใช่ปรัชญาที่คิดๆ เอา เป็นของจริงอย่างนั้นจริงๆ เป็นพระปัญญาตรัสรู้จริงๆ นิพพานไม่ใช่ โลก ๆ หนึ่ง นิพพานไม่ใช่เป็นเมือง ๆ หนึ่ง

จากหนังสือการเดินทางสู่การดับสนิทแห่งทุกข์ หน้า 11-35
หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชุโช
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida1 day ago
⭐️ธรรมะรับอรุณวันนี้ อาจารย์จะสนทนาเกี่ยวกับเรื่อง“เหตุปัจจัยของการเกิดเกิดขึ้นของรูปนาม” เราจะมาศึกษาเรียนรู้เพิ่มสัมมาทิฏฐิว่าอะไรเป็นเหตุให้เรามาเกิด และมีรูปร่างหน้าตาใช้ชีวิตแบบนี้ ? และอะไรเป็นเหตุที่จะให้เราต้องทำกรรมใหม่ เพื่อจะมีอนาคตที่จะมีทุกข์แบบนี้ ? และอะไรเป็นเหตุที่จะหยุดทุกข์ในปัจจุบัน และทุกข์ในอนาคต และก็ทุกข์ในสัมปรายภพ ?

🪴มาร่วมกันฟังธรรมด้วยจิตตั้งมั่นและถึงฐาน📌ปฏิบัติไปด้วยกัน พร้อมร่วมกันทำกิจให้จบในชาตินี้นะครับ

เหตุปัจจัยของการเกิดขึ้นของรูปนาม
https://youtu.be/yQGgyq0XVaY

อาจารย์วิลลี่
สำนักปฎิบัติธรรมศูนย์ไตรสิกขา
”แหล่งเรียนรู้และปฎิบัติธรรมตามหลักมรรควิธีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อการพ้นทุกข์“
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida
เหตุปัจจัยของการเกิดขึ้นของรูปนาม
⭐️ธรรมะรับอรุณวันนี้ อาจารย์จะสนทนาเกี่ยวกับเรื่อง“เหตุปัจจัยของการเกิดเกิดขึ้นของรูปนาม” เราจะมาศึกษ....
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida2 days ago
😊กำลังใจแก่กันและกัน และขอให้กำลังใจแก่คนที่มีทุกข์ 🌿และกำลังจมอยู่กับความทุกข์ครับ

ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida
ทุกครั้งที่ชีวิตมีปัญหา อย่าลืมสติปัฏฐาน 4
อาจารย์วิลลี่สำนักปฎิบัติธรรมศูนย์ไตรสิกขา“ แหล่งเรียนรู้และปฎิบัติธรรมตามหลักมรรควิธีขององค์สมเด็จพ.....
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida2 days ago
คอลัมน์ "ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์"
For English- please log on : http://www.dhamma.com/en/

"...ถ้าปัญญาแก่กล้าขึ้นมา ดูแค่นี้ไม่สะใจ เราก็ขึ้นไปสู่
ธัมมานุปัสสนา มีทั้งรูปธรรมทั้งนามธรรม แล้วไม่ใช่เห็นแต่ตัว
รูปธรรมนามธรรม แต่ ห็น ถึง กระบวนการทำงานของรูป ธรรมนามธรรม
อันนั้นด้วย เช่น ดูนิวรณ์ที่เกิดขึ้นในใจ ให้รู้เลยว่านิวรณ์เกิดจาก
อะไร นิวรณ์ทำงานอย่างไร ทำอย่างไรนิวรณ์จะไม่เกิดขึ้นอีก ดูได้
ประณีตลึกซึ้งกว่าพวกที่เจริญจิตตานุปัสสนา หรือดูขันธ์ พอเห็น
ขันธ์์ ๕ มันก็กระจายตัวออก ขันธ์แต่ล ะขันธ์ทำงานกันไปตามหน้า ที่
ของแตงละขันธ์หรือ ดูโพชฌงค์ องค์ของการตรสั รู้ หรือดูอริยสัจ
ในความเป็นจริงที่หลวงพ่อพูดเรื่องการดูจิต เราไม่ได้เจริญ
จิตตานุปัสสนาอย่างเดียวหรอก มันจะมีการปฏิบัติที่คร่อมกันอยู่
ระหว่างเวทนานุปัสสนา จิตตานุปัสสนา และธัมมานุปัสสนา ดังนั้น
สิ่งที่พวกเราปฏิบัติอยู่นี่ไม่ใช่การทำจิตตานุปัสสนาแท้ๆ หรอก
จิตตานุปัสสนานั้นเล็กนิดเดียว เช่น จิตมีราคะกับจิตไม่มีราคะ
คู่เดียว จิตมีโทสะกับจิตไม่มีโทสะคู่เดียว แต่ในความเป็นจริงเราทำ
อะไรที่มากกว่านั้น เราเห็นอะไรที่มากกว่านั้น เช่น เราเห็นเวทนา
เกิดในกาย เห็นเวทนาเกิดในใจ หรือร่างกายเคลื่อนไหวเราก็รู้สึก
จิตใจเคลื่อนไหวเราก็รู้สึก

ฉะนั้น สิ่งที่หลวงพ่อสอนจริงๆ นั้นขึ้นไปถึงธัมมานุปัสสนา
เช่น เห็นปฏิจจสมุปบาท พอตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบอารมณ์ก็
เกิดเวทนา มีเวทนาแล้วกิเลสแทรก กิเลสแทรกแล้วตัณหาก็
ทำงาน ตัณหาทำงานแล้วจิตก็กระโดดเข้าไปยึดอารมณ์เรียกว่ามี
อุปาทาน จิตก็ไปดิ้นรนปรุงแต่งอยู่กับอารมณ์นั้นเรียกว่าสร้างภพ
จิตก็ไปหยิบฉวยเอาความเป็นตัวเป็นตน คือหยิบฉวยตาหูจมูกลิ้น"
-------------------------------
"...การแบ่งกรรมฐานสำหรับพวกทิฏฐิจริตเป็น ๒ อย่าง มี
จิตตานุปัสสนากับธัมมานุปัสสนา ก็ใช้หลักเดียวกันกับการแบ่ง
กรรมฐานเป็นกายานุปัสสนากับเวทนานุปัสสนาสำหรับพวก
ตัณ หาจริต นั่นแหละ คือพวกปัญญายังไม่เข้มแข็งก็ดูจิตไป มีเรื่อง
ให้ดูนิดเดียว
ส่วนพวกปัญญาแก่กล้าก็ขึ้นมาดูธัมมานุปัสสนา
ธรรมะของท่านประณีตมาก แต่ท่านสรุปวีธีการปฏิบัติออกมาง่ายๆ
อยู่ในสติปัฏฐานนั่นเอง ท่านสอนเรื่องกายในกาย เวทนาในเวทนา
จิตในจิต ธรรมในธรรม ท่านสอนว่าให้ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นวิหารธรรม
วิหารธรรม คือเครื่องอยู่ของจิต คือบ้านของจิต ถ้าจิต
ไม่มีบ้านจิตก็ร่อนเร่ไป แต่จิตอยู่บ้านไม่ใช่จิตติดคุก ถ้าจิตร่อนเร่
หลงจากบ้านไปก็เรียกว่าย่อหย่อนเกินไป ตกไปอยู่กามสุขขัลลิกานุโยค
ถ้าจิตติดคุก คือถูกบังคับให้อยู่กับอารมณ์อันเดียว ไม่ยอมให้หนี
ไปไหน ออกไปไหนไม่ได้เลยก็ตึงเกินไป เป็นอัตตกิลมถานุโยค
ฉะนั้นต้องรู้คำว่า วิหารธรรมคือไม่หย่อนและไม่ตึงเกินไป
พอดีๆ เหมือนคนอยู่บ้าน อยู่บ้านก็ไม่ใช่หลงออกไปนอกบ้าน
แต่ไม่ได้อยู่แบบเครียดๆ เหมือนติดคุก ถ้าทำกัมมัฏฐานแล้วเครียด
ตลอดวันตลอดคืนไม่ใช่ของจริง เดินปัญญาไม่ได้จริงหรอก
เป็นบ้านหมายถึงอยู่ประจำ รู้ตัวนี้บ่อยๆ แต่ไม่ใช่รู้ตัวอื่น
ถ้าไม่รู้ตัวอื่นแสดงว่าติดคุกแล้ว ถ้าพุทโธแล้วไม่ยอมหยุดไปไหนเลย
โลกนี้มีแต่พุทโธ ฟ้าจะผ่าก็ไม่รู้นะ รถจะทับตายก็ยังไม่รู้เลย
เดินพุทโธไปข้างถนน ตาก็มองไม่เห็น หูก็ไม่ได้ยิน ใช้ไม่ได้หรอก"

อริยสัจเพื่อความพ้นทุกข์ 99
หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชุโช
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida
ไตรสิกขาฟลอริดา - Trisikkha Florida3 days ago
คอลัมน์ "ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์""
หลวงพ่อปราโมทย์: "พยายามเรียนรู้กฎแห่งกรรมไว้ให้มาก ๆ
เรียนอย่างไรกฎแห่งกรรม เรียนที่ตัวเอง
สังเกตดูเวลาจิตของเราทำชั่ว คิดชั่ว
สิ่งที่ตามมาคือจิตที่เศร้าหมอง
พอจิตเราคิดไปทางบุญทางกุศล
เห็นไหมมีความสุขตามมา จิตผ่องใสเบิกบาน
เวลาจิตเป็นอกุศลความทุกข์ตามมาทันที
เวลาจิตเป็นบุญเป็นกุศล เห็นไหมความสุขตามมาทันที
เราเริ่มเรียนรู้กฎแห่งกรรมแล้ว

เวลาจิตเรามีราคะรุนแรง
ถัดจากนั้นถ้าไม่เซื่องซึมไปส่วนใหญ่ก็จะเป็นโทสะ
ถัดจากราคะแรงๆ โทสะมักจะแรง นี่กำลังรับวิบาก
เพราะเวลาจิตมีโทสะจิตจะไม่มีความสุข
เราค่อยๆ ดูจากตัวเองนั่นล่ะ
เวลาเราคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว
จิตเราเศร้าหมอง เรากำลังรับผลกรรมอยู่
อย่างบางคนโมโหพ่อแม่ ตะคอกพ่อแม่ ดุพ่อแม่
พอหายโมโหแล้วเสียใจ จิตใจมีความทุกข์ตามหลังมา

เราเรียนรู้กฎแห่งกรรมที่ใจของเราเอง
แล้วต่อไปมันจะขยายความรับรู้ออกไปที่คนอื่น
เราจะพบเลยว่ากายนี้ใจนี้ของเรา
เราก็ยังบังคับมันไม่ได้
ฉะนั้นกายคนอื่นจะแก่ จะเจ็บ จะตาย เราบังคับไม่ได้
อย่างพ่อเราไม่สบาย เราก็ดูแลเต็มที่
แต่ถ้าเขาจะต้องตาย อันนั้นเป็นเรื่องของกรรมแล้ว
เขาทำกรรมของเขาที่จะได้เป็นมนุษย์ในชาตินี้แค่นี้
ธาตุขันธ์มันก็แตก ถ้าเรารู้ ยอมรับทุกอย่างเป็นไปตามกรรม
เราก็ไม่เศร้าหมอง

ฉะนั้นพยายามเรียนรู้กฎแห่งกรรม เรียนจากใจของเรา
ต่อไปมองโลกข้างนอกก็จะเข้าใจด้วย
ถ้าเข้าใจจิตตนเองก็จะเข้าใจโลกข้างนอกด้วย
พอเข้าใจแล้วจิตก็จะเป็นอุเบกขา
เป็นอุเบกขาเพราะมีปัญญาเห็นความจริง ไม่ใช่ใจร้าย
เห็นคนตกน้ำช่วยได้ก็ไม่ช่วย บอกอุเบกขา
อันนี้พวกใจร้าย เห็นคนติดในถ้ำ
ยังมีความสามารถจะช่วยเหลือกันได้แล้วไม่ช่วย
บอกเป็นกฎแห่งกรรม อันนั้นไม่ใช่
อันนั้นใจร้าย ไม่ใช่อุเบกขา

ค่อยๆ ฝึกที่จิตของเรา
ในที่สุดจิตใจเราก็จะมองโลกตรงไปตรงมา
แล้วไม่ชั่ว รับรองว่าไม่ชั่ว
ฝึกจิตฝึกใจของตัวเองไป
ความเมตตา ความกรุณา มีอัตโนมัติขึ้นมาในใจ
ความแปลกคือพวกขี้โมโห
เวลาภาวนาดีๆ ขึ้น ความเมตตาสูง
ยิ่งพวกขี้โมโหร้าย ๆ สุดท้ายความเมตตาสูง ๆ
เป็นเรื่องแปลกมากเลย มันสุดขั้วกันเลย

เพราะฉะนั้นเราพยายามมาเรียนรู้
กฎแห่งกรรมในใจของเราเรื่อย ๆ ไป
อย่างถ้าเราปล่อยใจเราฟุ้งซ่าน
ผลของกรรมจิตใจเราไม่มีความสุข
เราภาวนาของเราทุกวันๆ จิตเรามีกำลังมากขึ้นๆ
ตั้งมั่นเด่นดวง สงบสุข ก็เป็นผลของกรรม
เราทำกรรมฐานจิตใจเราก็ดีขึ้น
เราปล่อยจิตใจตามโลก ตามกิเลส
จิตใจเราก็เศร้าหมอง นี่ก็คือเรื่องของกฎแห่งกรรม
เรียนให้เยอะๆ แล้วเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น เข้าใจโลก
ใจจะร่มเย็นเป็นสุข ไม่เดือดร้อนไปกับโลกหรอก"
https://www.youtube.com/watch?v=_CNP63hNXHg
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
27 สิงหาคม 2565
***
[รีรัน] 15 ม.ค. 2566 ไลฟ์สดหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
https://www.youtube.com/watch?v=3lXlAGfPO-0
[รีรัน] 14 ม.ค. 2566 ไลฟ์สดหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
https://www.youtube.com/watch?v=-F4Rd3nJKYg

... ขอเชิญญาติธรรมเจริญภาวนาและ
รับชมการแสดงธรรมแบบไลฟ์สด (Live)
ทุก เสาร์และอาทิตย์
เวลา 9:00-10:00 น.(เวลาประเทศไทย)
https://www.facebook.com/dhammateachings/
***
For English- please log on : http://www.dhamma.com/en/...
**

คอร์สเนกขัมมะที่ฟลอริดา

คอร์สเนกขัมมะ 10 วันที่ศูนย์ไตรสิกขาฟลอริดาจัดขึ้นทุกปี ปีละสี่ครั้ง โดยไม่มีคำใช้จ่ายแต่อย่างไร นอกจากนี้ยังมีคอรสเนกขัมมะภาษาอังกฤษ 5 วัน หากท่านใดสนใจทราบตารางเวลาของการจัดคอร์สเนกขัมมะที่ฟลอริดา กรุณาติดตามได้ที่หน้าปฏิทินกิจกรรมของศูนย์ไตรสิกขาฟลอริดา

กิจกรรมที่ศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี:

ศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี ที่อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เปิดต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยี่ยน หากต้องการเข้าเยี่ยมชมกรุณาติดต่อไปยัง FACEBOOK ของศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี เพื่อนัดวันเวลาที่เข้าชม

ไตรสิกขาเพชรบุรีมีกิจกรรมตลอดปี โดยไม่มีคำใช้จ่ายแต่อย่างไร หากท่านใดสนใจทราบตารางเวลาของกิจกรรมที่ศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี กรุณาติดตามได้ที่หน้าปฏิทินกิจกรรมของศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี

สถานที่เรียนรู้และปฏิบัติธรรมภาวนา ตามแนวทางสติปัฏฐานสี่ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเรียนรู้ถึงสภาวะธรรมตามความเป็นจริงของมรรควิถีโดยการชี้นำจากอาจารย์วิลลี (จากศูนย์ปฏิบัติธรรมไตรสิกขา)
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi5 hours ago
22 มกราคมทำวัตรเย็นร่วมกันครับ คลิกวิดีโอนี้เพื่ออ่านบทสวดมนต์ตาม
ทำวัตรเย็นวันที่สอง
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi
ทำวัตรเย็น วันที่ ๒
--- 00:00 คำนำทำวัตรปฏิบัติ00:34 ▸คำบูชาพระรัตนตรัย06:42 พุทธานุสสติ08:40 พุทธาภิคีติ13:19 ธัมมานุสสติ14:33 ธัมมาภิคีติ19:09 สังฆา.....
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi5 hours ago
22 มกราคมทำวัตรเย็นร่วมกันครับ คลิกวิดีโอนี้เพื่ออ่านบทสวดมนต์ตาม
ทำวัตรเย็นวันที่สอง
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi
ทำวัตรเย็น วันที่ ๒
--- 00:00 คำนำทำวัตรปฏิบัติ00:34 ▸คำบูชาพระรัตนตรัย06:42 พุทธานุสสติ08:40 พุทธาภิคีติ13:19 ธัมมานุสสติ14:33 ธัมมาภิคีติ19:09 สังฆา.....
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi6 hours ago
คอลัมน์ "ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์"
For English- please log on : http://www.dhamma.com/en/

"...กายนี้คือตัวทุกข์ ใจนี้คือตัวทุกข์ พอรู้อย่างนี้แล้ว ตัวสมุทัย คือตัวความอยากก็จะไม่มีอีก เพราะความอยากมากมาย รวมย่อลงมาก็คือ อยากให้กายให้ใจเป็นสุข อยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ ไป ดูหนังก็อยากจะให้จิตใจมีความสุขใช่มั้ย ไปกินของอร่อยก็หวังว่า จะมีความสุข หนาวมากก็ไปหาเสื้อผ้ามาใส่ หวังว่าร่างกายจะเป็นสุข ถ้าร่างกายสบายดีแล้วก็เริ่มคิดใส่เสื้อผ้าแพงๆ เพื่อให้จิตใจมีความสุข มันมุ่งอยู่ตรงนี้ทั้งหมดเลย ไม่ว่าเราจะดิ้นรน มีความอยาก อะไรมากมายแค่ไหน ย่อลงมาก็คือ อยากให้กายให้ใจเป็นสุข อยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ มีอยู่เท่านี้แหละ เมื่อมันเห็นความจริงว่า กายกับใจคือตัวทุกข์แล้ว ความอยากจะไม่เกิดอีก รู้ทุกข์เมื่อไหร่ ก็ละสมุทัยเมื่อนั้น เราไม่มีหน้าที่ไปละตัณหานะ เรามีหน้าที่รู้ทุกข์ไป คอยรู้ทุกข์ไปเรื่อย แล้วตัณหามันถูกละเองด้วยปัญญา มีปัญญารู้ความจริงของรูปนามกายใจ รู้ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ ธาตุ ๑๘ สิ่งที่ประกอบขึ้นมาเป็นกายเป็นใจ แยกออกไปเป็นขันธ์ ๕ ก็ได้ แยกออกเป็นอายตนะ ๖ ก็ได้ แยก ออกเป็นธาตุ ๑๘ ก็ได้ คือกายกับใจ ย่อลงมาก็คือรูปกับนาม

"...ถ้าเห็นความจริงแล้วว่ารูปนามกายใจนี้คือตัวทุกข์ ถ้ารู้แจ้งอย่างนี้นะ ความอยากจะให้รูปนามเป็นสุขจะไม่มี เพราะมันเป็นตัวทุกข์ จะอยากให้มันสุขทำ ไม มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นความอยากที่ไร้เดียงสา ถ้ามันรู้จริงว่ารูปนามนี้เป็นทุกข์นะ ความอยากให้รูปนามไม่ทุกข์ก็จะไม่มี อยากจะให้เป็นสุขก็จะไม่มี อยากจะให้ไม่ทุกข์ก็จะไม่มี ฉะนั้นความอยากจะไม่เกิดอีกเมื่อปัญญามันแก่รอบ ได้สัมมาทิฏฐิเต็มที่ รู้ความจริงว่ารูปนามนี้คือตัวทุกข์ ถ้ารู้ได้อย่างนี้นะ รู้ทุกข์แจ่มแจ้งก็ละสมุทัย ละความอยาก ความอยากไม่เกิดอีก การละสมุทัย ละได้หลายแบบ ละด้วยการสนองความอยาก ก็ได้ อย่างเราอยากจะกินข้าว เราไปกินข้าวก็หายอยาก ละด้วยการสนองความอยากแล้วเดี๋ยวก็อยากใหม่ หรือละด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ละด้วยการบังคับกายบังคับใจก็ได้ อยากกินไม่กิน ฝืนมัน ทรมานมันก็ทำได้ ละด้วยสติก็ได้ มีความอยากเกิดขึ้น รู้ทัน มีความอยาก เกิดขึ้น รู้ทัน ความอยากมันจะดับโดยอัตโนมัติ แต่ก็ดับชั่วคราว เดี๋ยวก็อยากใหม่ ละด้วยสมาธิก็ได้ มันอยากจะจีบสาว นั่งสมาธิ จิตรวมไป ไม่เอาแล้วสาว ไม่เห็นจะดีตรงไหน อย่างนั้นก็ทำ ได้ แต่ละด้วยอะไรก็ไม่วิเศษเท่าละด้วยปัญญา ละด้วยปัญญา คือการเห็นความจริงของรูปนาม ว่ารูปนามนี้คือทุกข์ เห็นความจริงของรูปนามแล้ว มันจะไม่เกิดความอยากขึ้นอีก มันจะละครั้งเดียว เรียกว่าละทีเดียวจบเลย ไม่ต้องละแล้วละอีก ฉะนั้นจุดใหญ่คือการสร้างปัญญา พัฒนาตัวธรรมะแท้ๆ ตัวศาสนาพุทธแท้ๆ คือตัว สัมมาทิฏฐิ คือตัวปัญญา ให้เห็นความจริงของรูปนามกายใจ แล้ว ตัวสมุทัยคือตัวความอยากมันจะไม่มี เมื่อตัวความอยากไม่มี อะไร จะเกิดขึ้น เราจะแจ้งนิพพาน จะประจักษ์ในพระนิพพาน

นิพพานคืออะไร นิพพานคือสภาวะที่สิ้นตัณหา นิพพานมีสภาวะ มีลักษณะเฉพาะ คือมีความสงบ มีสันติ สันติเพราะปราศจากความเสียดแทง เพราะปราศจากความปรุงแต่ง ฉะนั้น ถ้าถามว่านิพพานมีลักษณะอย่างไร นิพพานมีสันติลักษณะ มีลักษณะสงบจากกิเลส สงบจากความปรุงแต่ง นิพพานเป็นบรมสุข นิพพานจริง ๆ แล้วเป็นสภาวะยังไง นิพพานคือสภาวะที่สิ้นตัณหา หรือคำว่า วิราคะ ไม่มีราคะ ไม่มีตัณหา นิพพานเป็นสภาวะที่ เรียกว่า วิสังขาร สิ้นความปรุงแต่ง เป็นอสังขตะ คือไม่ปรุงแต่ง ถ้าเราเข้าถึงสภาวะอันนี้ก็เป็นสภาวะที่เที่ยง คือสภาวะที่ เป็นสุข แต่ว่าไม่มีเจ้าของ ไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วไปจดลิขสิทธิ์ คนอื่นตรัสรู้ไม่ได้ นิพพานไม่มีเจ้าของ ถ้าเมื่อไหร่ใจของเรา รู้ความจริงของรูปนามว่าเป็นทุกข์ ก็ละสมุทัยเมื่อนั้น ละสมุทัย เมื่อไหร่ ก็จะเห็นพระนิพพานปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา จิตนั่นแหละ มันจะเข้าถึงพระนิพพาน เข้าถึงสันติสุข มีสันติด้วย มีความสุข อันมหาศาลด้วย ดังนั้นถ้ารู้ทุกข์แล้วก็เป็นอันละสมุทัย เมื่อละสมุทัยได้ก็เข้าไปประจักษ์นิโรธ ก็ไปเห็นนิโรธ ในขณะที่เห็นนิโรธ ในขณะที่เห็นนิพพานนั่นแหละ อริยมรรคเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นการรู้ทุกข์ การละสมุทัย การแจ้งนิโรธ การเจริญ ของมรรค เกิดขึ้นในขณะจิตเดียว นี่เป็นศาสตร์ที่อัศจรรย์ไม่มีอะไร เหมือนเลย อัศจรรย์จริงๆ นะ แล้วไม่ใช่ปรัชญาที่คิดๆ เอา เป็นของจริงอย่างนั้นจริงๆ เป็นพระปัญญาตรัสรู้จริงๆ นิพพานไม่ใช่ โลก ๆ หนึ่ง นิพพานไม่ใช่เป็นเมือง ๆ หนึ่ง

จากหนังสือการเดินทางสู่การดับสนิทแห่งทุกข์ หน้า 11-35
หลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชุโช
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi17 hours ago
22 มกราคมทำวัตรเช้าร่วมกันครับ คลิกวิดีโอนี้เพื่ออ่านบทสวดมนต์ตาม
ทำวัตรเช้าวันที่สอง
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi
ทำวัตรเช้า วันที่ ๒
--- 00:00 คำนำทำวัตรปฏิบัติ00:48 ▸ทำวัตรเช้า02:29 ปุพพภาคนมการ04:04 พุทธาภิถุติ08:11 ธัมมาภิถุติ09:53 สังฆาภิถุติ13:00 รตนัตตยัปปณ.....
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi1 day ago
⭐️ธรรมะรับอรุณวันนี้ อาจารย์จะสนทนาเกี่ยวกับเรื่อง“เหตุปัจจัยของการเกิดเกิดขึ้นของรูปนาม” เราจะมาศึกษาเรียนรู้เพิ่มสัมมาทิฏฐิว่าอะไรเป็นเหตุให้เรามาเกิด และมีรูปร่างหน้าตาใช้ชีวิตแบบนี้ ? และอะไรเป็นเหตุที่จะให้เราต้องทำกรรมใหม่ เพื่อจะมีอนาคตที่จะมีทุกข์แบบนี้ ? และอะไรเป็นเหตุที่จะหยุดทุกข์ในปัจจุบัน และทุกข์ในอนาคต และก็ทุกข์ในสัมปรายภพ ?

🪴มาร่วมกันฟังธรรมด้วยจิตตั้งมั่นและถึงฐาน📌ปฏิบัติไปด้วยกัน พร้อมร่วมกันทำกิจให้จบในชาตินี้นะครับ

เหตุปัจจัยของการเกิดขึ้นของรูปนาม
https://youtu.be/yQGgyq0XVaY

อาจารย์วิลลี่
สำนักปฎิบัติธรรมศูนย์ไตรสิกขา
”แหล่งเรียนรู้และปฎิบัติธรรมตามหลักมรรควิธีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อการพ้นทุกข์“
ไตรสิกขาเพชรบุรี - Trisikkha Petchaburi
เหตุปัจจัยของการเกิดขึ้นของรูปนาม
⭐️ธรรมะรับอรุณวันนี้ อาจารย์จะสนทนาเกี่ยวกับเรื่อง“เหตุปัจจัยของการเกิดเกิดขึ้นของรูปนาม” เราจะมาศึกษ....

คอร์สเนกขัมมะที่เพชรบุรี

คอร์สเนกขัมมะที่ศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรีจัดขึ้นทุกปี ในช่วงที่ศูนย์เพชรบุรียังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ทางวัดวังพุไทร เพชรบุรี ได้เอื้อเฟื้อสถานที่ในการจัดคอรสเนกขัมมะมาตลอดทุกปี เนื้อหาของคอรสเนกขัมมะครอบคลุมทั้งในส่วนของทฤษฏีและปฏิบัติ ผู้เข้าร่วมคอร์สแต่งกายสุภาพ รับศีลแปด และสวดมนต์ทำวัตรเช้าและเย็นเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง เวลาส่วนที่เหลือ นอกจากรับประทานอาหารเช้าและกลางวัน และสนทนาธรรมในช่วงเช้า จะมีเวลาให้ปฏิบัติเดินจงกรมและนั่งสมาธิสามช่วงในแต่ละวัน ในส่วนของทฤษฏีนั้นเนื้อหาแบ่งเป็นจิตสิกขา ศีลสิกขา และ ปัญญาสิกขา เป็นการเรียนการสอนโดยฆราวาสธรรม ในบรรยากาศสบายๆเป็นกันเอง ผู้ปฏิบัติจะมีโอกาสสอบถามข้อข้องใจ เพื่อมุ่งให้ผู้สนใจทราบถึงว่า เราปฏิบัติทำไม เพื่ออะไร และควรปฏิบัติอย่างไร หัวข้อที่สนทนาธรรม ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 อริยสัจ 4 ปฏิจจสมุปบาท มรรค 8 โพธิฌงค์ 7 วิสุทธิ 7 ฯลฯ

หากท่านใดสนใจทราบตารางเวลาของการจัดคอร์สเนกขัมมะที่เพชรบุรี กรุณาติดตามได้ที่หน้าปฏิทินกิจกรรมของศูนย์ไตรสิกขาเพชรบุรี