ธรรมะวันนี้
ธรรมการปฎิบัติวันนี้
อจ สนทนาและบรรยายธรรมเรื่องของขันธ์ห้า การฝึกฝนเรียนรู้อยู่กับปัจจุบันด้วยสติ ฝึกฝนสมาธิจิตตั่งมั่น แล้วฝึกฝนแยกรูป แยกนามเมื่อแยกรูปแยกนามแล้วกายใจจะแยกกระจายกัน ไม่มีเราไม่มีเขา มีแค่สภาวะเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไปตามเหตุปัจจัย!!!
สังเกตเรียนรู้หลักการแยกรูปนาม หมั่นต่อเนื่องรู้ทันสภาวะลงปัจจุบัน
ฟังธรรมสบายๆๆและต่อเนื่องหลักการปฏิบัติ ทั้งในรูปแบบและชีวิตประจำวันครับ
การแยกรูปนามเป็นก้าวแรกของการเจริญวิปัสสนา หากจิตไม่ตั้งมั่น ไม่ถึงฐานจริง จะไม่เห็นรูปนาม แต่จะคิดเองว่าเป็นรูปนาม.. หรือเห็นเป็นเขา เป็นเรา …ให้ฝึกจิตให้ตั้งมั่นก่อน แล้วให้รู้ทัน การกระทบทางกายใจ
เมื่อรู้ทัน ขณะนั้นรูปนามจะแยกกันแล้วจะเห็นได้เลยว่า กายอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่ส่วนหนึ่ง นามขันธ์อยู่อีกส่วนหนึ่ง ไม่มีเรา ไม่มีตัวตน มีแค่สภาวะมาประชุมกัน แล้วจะเห็นสภาวะเกิดดับ ตามเหตุปัจจัย !!!!
สังเกตเห็นกายกะใจ คนละส่วน ไม่ใช่เรา หมั่นรู้ทัน หมั่นแยกบ่อยๆ จิตจะเห็นเหตปัจจัยของการเกิดของรูปนาม แล้วจะเห็นความจริงของรูปนาม แล้วจิตจะค่อยล้างความเห็นผิดเอง…
อนุโมทนากับผู้มีความเพียรทุกๆท่านครับ
…
อานิสงค์แห่งการแยกรูปนามมีมากมายดังนี้ครับ
– ให้จิตฝึกดูสภาวะว่า ไม่มีเรา มีแต่รูปนาม
– ให้ขันธ์แยกจากกัน กระจายออกจากกัน
– ล้างความเห็นผิดว่าขันธ์เป็นเรา เป็นตัวตน เราเขา
– เป็นก้าวแรก ขั้นแรกของการเดินวิปัสสนา จะต้องผ่านจุดนี้ก่อน
– เป็นเหตุปัจจัยให้เห็นเหตปัจจัยของการเกิดของรูปนาม ก่อนที่จะเห็นความจริงของรูปนาม คือเห็นไตรลักษณ
– ทำให้จิตฝึกพรากจากอารม และจำอารมที่กระทบ แล้วสลัดออกจากอารมณ์มาเป็นผู้รู้
– เมื่อแยกแล้วทำให้ดีกรีของสิ่งที่ถูกรู้ เช่นเวทนา เบาบาง ลดลงเกือบกึ่งหนึ่ง….
ฝึกฝนต่อเนื่อง แล้วต่อไปจิตจะอิสระจากทุกข จากขันธ์ จิตจะค่อยๆๆวางอารมณ์ได้ง่ายขึ้น!!! ทุกขจะค่อยๆเบาบางลง !!!
….
ธรรมะรับอรุณ
เมื่อเรามานั่งเรียนรู้และพิจารณาความจริงแล้ว
ธรรมที่เกิดปรากฏในปัจจุบันเฉพาะหน้าเนี่ยไม่มีเราหรอกมีแค่สิ่งต่างๆรูปนามมารวมตัวกันแค่นั้นเอง!!!
ท่านอาจจะเห็นแค่มีสภาวะกระทบ มีตาหูจมูกลิ้นกายใจกระทบ รูป รส กลิ่นเสียง สัมผัส นึกคิด
หรือมีแค่รูป เวทนาสัญญา สังขารและวิญญาณ
หรือมีแค่เหตุปัจจัยอาศัยกันเกิด
แยกออกเป็นส่วนส่วนเป็นขณะขณะ กระทบกันแล้วมีเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ตามเหตุปัจจัย
เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว มีสติปัฏฐานสี่เดินงาน จิตเป็นกลาง จะเห็นว่าจริงๆไม่มีเราหรอก มีแต่รูปนามมาประชุมกัน พอรู้ทันมีนก็แยกกันให้เห็น…ที่หลงไปมีเราเพราะจิตนั้นไม่มีการฝึกมาอย่างดี!!!หลังจากกระทบแล้วไหลและหลงเข้าไปยึดมันถือมั่น เลยกลายเป็นมีตัวตน!!!! เพราะไม่มีปัญญารู้ทัน เลยไม่เห็นความจริง เลยหลงไปยึดมั่น ถือมั่นมีเราในทุกอารมณ์ทั้งอารมณ์รูปและ อารมณ์นาม เลยกลายเป็นมีตัวตนทำกรรมและต้องไปรับผลของกรรมต่อไปในอนาคต แล้วส่งอาหารให้อวิชชามีกำลังพาเดินทางต่อในสังสารวัฏไม่มีจุดจบ!!!
เราแท้ๆ ไม่มีหรอก เพราะเข้าใจผิด มีมิจฉาทิฏฐิ เข้าใจผิดเอง!!!!
ลองมาแยกรูปนามดูสิครับ แล้วจะเห็นทุกอย่างเป็นส่วนๆๆ แล้วตั้งมั่นดูต่อ จะเห็นทุกอย่างไหลมา แล้วไป แค่ชั่วคราว แล้วจะเห็นว่าไม่มีเราเขา ไม่ตัวตนหรอก ความเข้าใจที่ถูกต้องจะค่อยๆปรากฏขึ้นมาจากประสบการณการเรียนรู้กายใจนี่เอง ด้วยมรรควิธี